5 ขั้นตอน การทำ SEO เบื้องต้นให้กับเว็บไซต์
มีหลายคนที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองมาเป็นเวลานานและอาจจะมีคำถามที่ว่า ทำเว็บมาก็นานแล้ว ลอง Search หาใน Google แต่ทำไมยังค้นหาไม่เจอบทความจากเว็บของคุณสักที วันนี้เราขอมาเผยเคล็ดลับเบื้องต้น 5 ขั้นตอน การทำ SEO เพื่อที่จะทำให้เว็บของคุณนั้นไปอยู่ในหน้าแรกของ Google จาก Keyword การค้นหาที่คุณตั้งค่าไว้
ก่อนที่จะไปสู่ขั้นตอน อาจจะต้องเเจ้งก่อนว่า การทำ SEO เบื้องต้นนี้ สามารถดำเนินการปรับตั้งค่ากับเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดย WordPress นะคะ ซึ่งหากเว็บของคุณสร้างขึ้นโดย Platform อื่นๆ ยังไงก็สามารถลองเอาไปปรับใช้ได้เช่นกัน แม้วิธีการอาจจะต่างออกไปแต่หลักการที่ใช้คงเป็นหลักการเดียวกันแน่นอนค่ะ
1 ตั้งค่า Search engine visibility
เช็คว่าเว็บที่คุณสร้างขึ้นมานั้นเปิดให้ Search engine เข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์หรือไม่ เช็คได้ง่ายดังนี้
Dashboard > Setting > Reading
ต้องมั่นใจว่าเว็บไซต์ของคุณนั้นไม่ได้ปิดการเข้าถึงข้อมูลเว็บไซต์ หากมีการติ๊กที่ช่อง Discourage search engines from indexing this site ให้คุณติ๊กออกทันทีเพื่อให้เว็บเกิดการ index ข้อมูลเว็บของคุณ (ตัวอย่างภาพด้านล่างคือการเปิดการเข้าถึงของ Search Engine)
2 ปรับ permalink รูปแบบของ url และ ตั้งค่า slug
ขั้นตอนนี้สำคัญมากสำหรับการเซ็ทค่าเริ่มต้นในการทำเว็บไซต์ เนื่องจากก่อนที่คุณพร้อมที่จะเผยแผ่ข้อมูลบทเว็บไซต์ คุณจะต้องตั้งค่ารูปแบบ permalink หรือ รูปแบบ url ของเว็บไซต์ค่ะ โดยเว็บของเรา เราเลือกที่จะใช้เป็น โดเมน.com/postname (ดังตัวอย่างด้านล่างนี้ค่ะ)
ข้อควรระวัง : การแก้ไข Permalink ส่งผลต่อ SEO ด้านลบค่ะ ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงควรทำตั้งแต่เริ่มต้นหรือตอนที่เว็บยังไม่ index หรือลงบทความ
ข้อมูลที่สำคัญคือ url มีผลต่อ SEO การใช้ url ที่สั้นกระชับและสอดคล้องกับเนื้อหาบทความและหัวข้อ จะทำให้ search engine เข้าถึงบทความบทเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น และนั่นจึงเชื่อมโยงกันกับการตั้งค่า slug (ชื่อโพสต์บน url) ในแต่ละโพสต์ โดยคุณจะต้องกำหนด slug ทุกครั้งให้สอดคล้องกับชื่อและเนื้อหาบทความของคุณค่ะ
ข้อควรระวัง : การแก้ไข slug ในบทความที่ลงไปแล้วก่อนหน้านี้ส่งผลด้านลบต่อ SEO ของเว็บไซต์ ดังนั้นจึงควรทำเพียงเเค่ตั้งค่า slug ให้กับบทความใหม่ที่คุณกำลังจะเผยแผ่ ส่วนที่ลงไปแล้วก็ควรใช้ slug เดิมไม่ควรกลับไปแก้ไขค่ะ
การแก้ไข slug จะอยู่ที่ส่วนท้ายของ permalink สามารถกดแก้ไขได้เลยโดยใช้คำที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อและเนื้อหาในบทความ
3 รูปแบบของบทความ
เนื่องจาก Google algorithm เริ่มใส่ใจใน User Experience มากขึ้น ดังนั้นการที่บทความใดที่มีรูปแบบเนื้อหาที่อ่านง่าย มีหัวข้อ H1 H2 หรือ H3 ในบทความ รวมถึงการแยกของ paragraph ที่ทำให้ user สามารถอ่านเนื้อหาได้ง่ายขึ้น มีผลต่อ Search engine ที่จะทำให้บทความนั้นๆ ถูกดันขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการค้นหา
ซึ่งการที่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบทความของเรานั้นมีรูปแบบคอนเทนต์ที่ดีต่อ Search Engine นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมคุณจึงควรที่จะติดตั้ง plugin “Yoast SEO” ให้กับ WordPress Website ของคุณ เพราะ Yoast สามารถบอกถึงคุณภาพของบทความว่าอยู่ในระดับใด หรือหากต้องมีการปรับแก้ไข Yoast ก็จะแจ้งคุณเป็นข้อๆ ว่าควรปรับปรุงส่วนไหนของเนื้อหาบทความบ้าง
4 ติดตั้ง Plugin Yoast SEO เพื่อใส่ Keyword ให้บทความและเพจ
จากบทความก่อนหน้าที่เราได้ให้ข้อมูลไปเกี่ยวกับประโยชน์ของ Yoast SEO เครื่องมือที่ส่งผลเป็นอย่างมากต่อ SEO ของเว็บไซต์ หากคุณได้มีการติดตั้งเเล้ว จำไว้เสมอว่าทุกๆบทความบทเว็บไซต์จะต้องตั้งค่า Keyword ให้กับทความนั้นๆ โดยพื้นที่การตั้งค่าโดย Yoast SEO จะอยู่ที่ด้านล่างต่อจากส่วนเนื้อหาบทความ
สามารถดูขั้นตอนการตั้งค่าได้ที่วิดีโอนี้ค่ะ
5 ใส่ Alt text ให้กับรูปภาพ และใส่ Tag ให้กับบทความ
ในการเขียนบทความเพื่อให้เกิดความน่าสนใจต่อผู้อ่านและ search engine เนื้อหาของบทความนั้นควรจะต้องมีรูปภาพประกอบด้วยเช่นกัน และเนื่องจาก google ไม่ได้มีการ index เพียงเฉพาะเนื้อหาที่เป็นข้อความแต่ยัง index เนื้อหาที่เป็นรูปภาพและวิดีโออีกด้วย ดังนั้นการตั้งชื่อรูปภาพและใส่ Alt text จึงเป็นการบอก Google ว่าภาพเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับเนื้อหาอะไรบนเว็บไซต์และเมื่อมีการค้นหาโดยรูปภาพ ภาพในบทความก็จะสามารถปรากฏขึ้นบน Google โดย keyword นั้นๆ ที่คุณใช้ตั้งค่าให้กับรูปภาพ
ในส่วนของ tag ต้องบอกว่าส่วนนี้ค่อนข้างส่งผลต่อ SEO ได้ดีอีกเช่นกันค่ะ เพราะนอกจาก Keyword ที่เราได้ตั้งค่าแล้วการใส่ tag ที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงก็ยังสามารถทำให้ user ค้นหาบทความของคุณเจอได้เช่นกันค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเครื่องมือ tag จะอยู่ด้านขวามือถัดจากส่วนของเนื้อหาบทความ สามารถใส่ tag ที่ใกล้เคียงเนื้อหาสูงสุดเท่าที่ต้องการค่ะ
ข้อควรระวัง : การใส่เเท็กจะต้องเลือกแท็กที่ใกล้เคียงเนื้อหาบทความของคุณเพราะถ้าหากเป็นเเท็กที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาการที่คนค้นหาเจอโดยเเท็ก แต่พบว่าบทความไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาต้องการที่จะอยากรู้ นั่นอาจทำให้เกิด bounce rate ได้ ซึ่งการที่เว็บไซต์มี bounce rate % ที่สูงก็จะส่งผลต่อเว็บ SEO อีกด้วยเช่นกันค่ะ
สรุป
5 ขั้นตอน วิธีทำ SEO เบื้องต้นที่เรานำมาเเนะนำนี้เป็นเพียงเทคนิคบางส่วนเท่านั้น เพราะการทำ SEO ของเว็บไซต์นั้นมีอีกมากมายหลายรูปเเบบและเทคนิค สำหรับเพื่อนๆ ผู้ที่เริ่มต้นในการสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การทำ 5 สิ่งนี้ให้กับเว็บไซต์จึงเป็นการเริ่มต้นที่ดีในหนทางของ Search Engine สำหรับเว็บไซต์ของคุณ ส่วนเทคนิคอื่นๆนั้นคุณสามารถเรียนรู้และปรับเเต่ไปพร้อมๆกับการเผยแผ่ข้อมูลบนเว็บไซต์ เนื่องจากการทำ SEO นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาในการวัดผลดังนั้นค่อยๆทำ ค่อยๆเริ่ม และขอให้สนุกไปกับมันนะคะ
รู้กจักกับ SEO และ SEM จากบทความก่อนหน้านี้ของเรา
- มารู้จักและเข้าใจเกี่ยวกับ SEO (Search Engine Optimization)
- SEM (Search Engine Marketing) คืออะไร?
- Backlink คืออะไร ?